Gooner Journey: หากต้องเลือกเพียงหนึ่ง? ระหว่าง พรีเมียร์ลีก และ แชมป์เปี้ยนส์ลีก
หากบอกว่าขอเหมาทั้ง 2 ถ้วยก็คงจะดูอวดเก่งไปพอสมควร หรือแม้แต่ลำพังถ้วยเดียวก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากเกินไป เมื่อทีมคู่แข่งต่างก็เดินนำหน้าพวกเราอยู่ก้าวนึงเสมอ
แต่ถึงกระนั้นก็ตามทีมของ มิเกล อาร์เตต้า เพิ่งบุกไปขยี้ ไบร์ทตัน คารัง 0-3 นับเป็นการเปิดหัว 8 เกมสุดท้ายของซีซั่นนี้ได้อย่างสวยงาม เปรียบเสมือนการลั่นกลองรบให้โลกรู้ว่า "กูนี่ของแทร่" ก่อนที่จะกลับมาเปิดบ้านเสมอกับคู่แท้อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในเกมแชมป์เปี้ยนส์ลีกไปอย่างสนุก 2-2 ชนิดที่เรียกว่า "เหมือนจะชนะ แต่ก็ไม่ชนะ"
‘พลพรรคปืนใหญ่‘ กลับคืนสู่เวทียุโรปในหนนี้ด้วยความคาดหวังเพียงน้อยนิด หลังจากที่ห่างหายจากรายการนี้ไปนานร่วมเกือบ 10 ปี แต่ด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยมที่สืบทอดต่อเนื่องมาจากในลีกส่งผลให้พวกเขาสามารถทะลุเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ ก่อนที่จะถูกจับสลากมาเจอ ‘ทัพเสือใต้‘ ผู้ที่กุมบังเหียน ‘ไอ้ปืนใหญ่‘ ในทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน
เอาเข้าจริงก่อนเกมนี้ อาร์เซนอล ถูกมองว่าจะสามารถชำระแค้นอาคันตุกะจากเมืองเบียร์ได้อย่างไม่ยากเย็น โดยเฉพาะเมื่อเทียบจากฟอร์มที่ร้อนแรงในเกมลีกตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปฏิทินปี 2024 ซึ่งในทางกลับกันทางฝั่งผู้มาเยือนทำผลงานได้อย่างย่ำแย่จนแทบจะการันตีการพลาดโอกาสคว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งการบุกมาที่ลอนดอนในครั้งนี้พวกเขาจะไม่มีกองเชียร์แม้แต่รายเดียว เนื่องจากโดนลงโทษจาก UEFA
แต่ด้วยเหตุผลหรืออะไรก็ตามแต่ ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มชุดนี้ของ อาร์เตต้า ดูจะตื่นตระหนกกับทุกสรรพสิ่งที่ใช้ชื่อว่า UCL จนทำให้พลาดโอกาสในการถอนเขี้ยวพี่เสือ สังเกตได้จากแมตซ์ก่อนหน้านี้ที่พวกเขาบุกไปพ่าย ปอร์โต้ ในเกมเลกแรกรอบ 16 ทีมสุดท้าย อีกทั้งยังเกือบเอาตัวไม่รอดในถิ่นของตัวเองจนทำให้ต้องยืดเยื้อถึงฎีกาการดวลจุดโทษ จากที่คาดการณ์กันว่าพวกเขาจะสามารถผ่านยอดทีมจากโปรตุเกสได้อย่างง่ายดาย
สัปดาห์หน้าจะเป็นอีกเกมที่ตัดสินชะตาถ้วยใบที่หนึ่งของ อาร์เซนอล ซึ่งหากการคว้าชัยชนะในเมืองมิวนิคเกิดเป็นความจริงขึ้นมา ไอ้แฟนบอลอย่างผมคงภาวนาให้ก่อนตายชาตินี้ ทีมรักของผมจงคว้าถ้วยแชมป์เปี้ยนส์ลีกกับเขาได้บ้างสักที !
เขียนโดย The Lite Team
LS Sport ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง